แนวความคิดตกผลึกมาจาก ความสัมพันธ์อันซับซ้อนซึ่งทรงอิทธิพล
“กาแฟดำแบบน้ำหยด แบรนด์ฝรั่งเศส ชนิดคั่วแบบฉบับอิตาลี (Gout Italian) ดื่มในถ้วยเซรามิกชั้นดี (Porcelain) อ้างอิงต้นตำรับ Fine china เติมแต่งด้วยงานศิลปะผลงาน Roy Lichtenstein (1923 –1997) ศิลปิน Pop art ชาวอเมริกัน ผลิตและขายที่ Tate Modern หอศิลป์ระดับโลกแห่งอังกฤษ …ภาพอันน่าทึ่งข้างต้น เสมือนการหลอมรวมโลกและเอกลักษณ์ ในกระบวนการสร้างสรรค์ ท่ามกลางการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และยอมรับซึ่งกันและกัน”
บทบรรยายภาพหนึ่ง (ภาพ1) มีความหมายเชื่อมโยง ถึงที่มาและที่ไป

ที่มา-ผลิตภัณฑ์ 2 สิ่งซึ่ง “ติดมือกลับมา” จากการเดินทางครั้งหนึ่ง (ปลายปี 2556-ต้นปี 2557) ดังที่ให้ภาพไว้ (ตอนที่แล้ว -“กระแสระหว่างทาง”)- กาแฟจากปารีส และถ้วยเซรามิกจากลอนดอน ที่ไป– สู่ความคิดรวบยอด กลายเป็นธีม (theme) เรื่องราว “เวลากแฟ”ที่นำเสนอมา เป็นเรื่องเล่า จากแต่ละฉากเป็นชิ้น ๆ ตามกระแสอย่างที่เป็นมา
การเดินทางท่องเที่ยวต่างแดนในครั้งต่อ ๆ มา เรื่องราวจึงเข้มข้น ด้วยประสบการณ์หลากหลาย แตกต่าง แต่งแต้มจินตนาการให้กว้างและลึกยิ่งขึ้น
การเดินทางครั้งใหม่ (ปี 2560) ห่างจากครั้งที่แล้ว 3 ปีเต็ม เนื่องด้วยแต่ละคนต่างมีเวลา ภารกิจ วิถีชีวิต และความสนใจแตกต่างกัน บุตรคนโตเพิ่งเริ่มต้นชีวิตทำงานได้ 2 ปี บุตรคนเล็กกำลังศึกษาในต่างแดนปีสุดท้าย มีเวลาตรงกันเพียงช่วงสั้น ๆ จึงมีทางเลือกจำกัด ไปโตเกียว (Tokyo) ช่วง Low season ในฤดูร้อน ดีที่มี Hydrangea บานสะพรั่ง สร้างสีสันให้แตกต่างออกไป
ไม่ได้มีแผนการตายตัว ค่อยคิด ค่อยปรึกษากัน ส่วนใหญ่ไปด้วยกัน มีบางช่วงแยกกันบ้างตามสะดวก และตามความสนใจ แต่ที่แน่ ๆ มีเวลากาแฟระหว่างทางร่วมกันเกือบทุกวัน ด้วยเสียงข้างมากมาจากภรรยาและบุตรคนโต “คอกาแฟ” หน้าใหม่ในครอบครัว
ได้สัมผัสทั้งเครือข่ายใหญ่ร้านกาแฟสมัยใหม่ ขยายตัวตามกระแส Starbucks กับร้านเล็ก ๆ ซ่อนตัวอย่างกลมกลืนกับชุมชนและย่าน จากชุมทางรถไฟ ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย ไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ขณะสะท้อนความสัมพันธ์กับกระแสกาแฟโลก สืบเนื่องมาช้านาน
ปิดท้ายทริป สัมผัสกลิ่นอายกาแฟคลื่นลูกที่สาม (Third wave of coffee) กระแสเพิ่งมาถึงโตเกียว วัฒนธรรมกาแฟคลื่นลูกใหม่ ก่อตัวขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยมี Blue Bottle Coffee และ Verve Coffee (ภาพ 2- 3 ย่าน Shinjuku) เป็นผู้นำ รายแรกก่อตั้งเมื่อปี 2545 อีก 5 ปีอีกรายตามมา ทั้งสองพร้อมใจกันข้ามฟากมายังโตเกียวเป็นที่แรก ในเวลาใกล้เคียงกัน (ปี 2558 และ 2559) ก่อนเราไปเยือนเพียงปีเศษ


ปีถัดมา (2561) ข้ามซีกโลกไปยังยุโรป ถือโอกาสช่วงเข้าร่วมพิธีประสาทปริญญาของบุตรคนเล็ก ท่องเที่ยวหลายเมืองในสหราชอาณาจักร รวมทั้งหนึ่งสัปดาห์ ณ เอดินบะระ (Edinburgh) เมืองเก่ามีเสน่ห์ เชื่อมด้วยบันไดกับเชิงเขา ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุคดั้งเดิมกับสมัยใหม่
ในหน้าร้อนก่อนเดินทาง มีงานหนึ่งกระตุ้นจินตนาการ London Coffee Festival นอกจากให้ภาพการเติบโตของร้านกาแฟทั่วสหราชอาณาจักรอย่างตื่นเต้น ได้มีบทสนทนาโฟกัสกระแสกาแฟเย็น ว่าได้ผ่านช่วงเวลาจากเฉพาะกลุ่มพวก Hipster สู่ “คอกาแฟ” กระแสหลักแล้ว เมื่อมาเยือน Edinburgh ที่เห็นเป็นเช่นนั้น ทุกที่ที่แวะล้วนอยู่ในเมนูของบุตรคนโต สามารถหาดื่มได้แทบทุกวัน (ภาพ 4-5)


ในฉากนั้นมีภาพซ้อนทับเกี่ยวกับเครือข่ายร้านกาแฟอิสระ (Independent coffee shops) กับเรื่องราวหนึ่งเพิ่งเกิดขึ้น 2 ปีก่อนหน้า ร้านกาแฟใหม่ 7 แห่งรวมตัวกัน ผนึกรายเล็ก ๆ ให้มีพลัง เผชิญหน้าเครือข่ายยักษ์ใหญ่ เราจึงตั้งใจแวะเวียนไปแต่ละที่ แต่ละวัน มีบรรยากาศที่แตกต่าง จากบุคลิกเฉพาะตัว (ภาพ 6-7) ไปตามทำเลต่าง ๆ ประหนึ่งท่องเที่ยวทั่วเมืองใหญ่ในสกอตแลนด์แบบเจาะลึกไปด้วย


เป็นแผนการอันแยบยล เปลี่ยนคู่แข่งให้เป็นพันธมิตร ในฐานะมีฉากหลังร่วมกันพอสมควร อยู่ในเครือข่ายและห่วงโซ่กว้างขวาง จากเกษตรกรในแอฟริกา-อเมริกาใต้ ผู้ค้าวิสาหกิจขนาดย่อม ถึงโรงคั่วเล็ก ๆ ในยุโรป ภายใต้กระบวนการ “แชร์ลูกค้า ความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจ” ตั้งใจบรรลุภารกิจสำคัญ “นำเสนอภาพ Speciality Coffee อย่างแตกต่างและหลากหลาย ให้มีคุณค่าเหนือกว่าเครือข่ายยักษ์ใหญ่”
อีกทริปหนึ่ง (2562) ปลายฤดูใบไม้ร่วงต่อต้นฤดูหนาว จากเมืองเล็กในออสเตรีย ณ เชิงเขาสูงวิถีแอลไพน์ จนมาถึง มิวนิก (Munich) เมืองใหญ่แห่งเยอรมนี มักถูกยกว่ามีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง เมืองมีบุคลิกเฉพาะน่าสนใจ ผสมผสานอิทธิพลทั้งอิตาลี กรีก และออสเตรีย ปรากฏร่องรอย ณ ร้านกาแฟที่ไปเยือนด้วย
สะท้อนปรากฏการณ์สีสันแห่งเมืองใหญ่ยุโรป เชื่อมโยงกระแสล่าสุด ร้านกาแฟแห่งใหม่ ๆ และโรงคั่วเล็ก ๆผุดขึ้น ขณะแบรนด์ท้องถิ่นเติบโต และอาชีพ Barista เฟื่องฟูขึ้น
ที่แรก (ภาพ 8-9) ผสานยุคสมัยเข้ากับความคลาสสิกอย่างลงตัว แบ่งแยกพื้นที่บริการเป็น 2 ส่วน ผลิตภัณฑ์จากโรงคั่ว ส่วนใหญ่ มีต้นแหล่งจากซีกโลกใต้ กับอีกส่วนเสนอประสบการณ์ต้นตำรับ Coffeehouse วัฒนธรรมกาแฟดั้งเดิมแห่งยุโรป บรรยากาศดูอบอุ่น ด้วยเก้าอี้ไม้สีน้าตาลอ่อนสไตล์เวียนนา มากับบริการแบบฉบับเยอรมัน




กับอีกที่ (ภาพ 10-11) ต่างบุคลิกอยู่ร่วมสมัยกัน เจ้าของเป็นชาวออสเตรเลีย อีกซีกโลกที่มีวัฒนธรรมกาแฟของตนเอง ดูใส่ใจพิถีพิถันแบบญี่ปุ่น ปรุงแต่งบรรยากาศด้วยสไตล์สแกนดิเนเวียกับแคลิฟอร์เนียให้เข้ากัน
ภาพที่เห็นเป็นอยู่ มีความเชื่อมโยงมายังสังคมไทยอย่างมิพักสงสัย