กรุงเทพฯสมัยใหม่(2)สถานการณ์

ขณะที่กรุงเทพฯเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง  สร้างบุคลิกความเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายใช้สอย(Shopping paradise) ฐานธุรกิจอันมั่นคงที่จับต้องได้ง่ายของผู้มีรากเหง้า ก็ดำเนินไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ความเติบโตทางธุรกิจจึงเป็นไปอย่างหยุดยั้ง แม้ผ่านช่วงวิกฤติการณ์ต่างๆ

 

ช่วงที่ 1 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อิทธิพลของห้างฝรั่งซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของยุคอาณานิคมถูกบั่นทอน พ่อค้าชาวจีนในไทยซึ่งมีประสบการณ์ความสัมพันธ์และความขัดแย้งกับอิทธิพลอาณานิคม ได้สะสมความรู้ทางธุรกิจ จึงพยายามเข้าสู่ช่องว่างแห่งโอกาส

นี่เตียง แซ่เจ็ง  ต้นตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเครือเซ็นทรัล   คือตัวอย่างหนึ่ง เขาเป็นผู้เบิกห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพ จากจุดเริ่มต้นธุรกิจขายหนังสือต่างประเทศ   เป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของการกำเนิดห้างเซ็นทรัล หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

การเปิดพรมแดนความรู้ต่างประเทศ ในช่วงสังคมธุรกิจไทยกำลังขยายตัวอย่างก้าวกระโดดหลังสงครามโลก และการเติบโตของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และปัญญาชนสยาม ต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำให้ร้านขายหนังสือต่างประเทศเป็นหลักของตระกูลจิราธิวัฒน์เกิดขึ้น จากช่องว่างธุรกิจเล็ก ๆ ตระกูลจิราธิวัฒน์ เริ่มขยายสินค้าไปสู่สินค้าต่างประเทศชนิดอื่น ๆมากขึ้น โอกาสอันกว้างใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงสงครามเกาหลี

ห้างเจ็งอันตง เกิดขึ้นในปี 2499 เป็นรูปแบบห้างสรรพสินค้าในย่านวังบูรพา ในยุคสร้างเมืองธุรกิจแห่งแรกๆในกรุงเทพฯ(โอสถ โกสิน นักกฎหมายและอดีตกรรมการบริษัทปูนซิเมนต์ไทยเป็นผู้บุกเบิก รื้อวังวังบูรพาภิรมย์เพื่อสร้างตึกแถวการค้า) เป็นภาพต่อเนื่องจากห้างเล็ก ๆ แถวสี่พระยา และตรอกโรงภาษีเก่าหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญ ผ่านประสบการณ์พอสมควร  จากความพยายามขยายสาขาที่เยาวราชและราชประสงค์ ซึ่งก้าวเร็วเกินไปจนต้องมาตั้งหลักใหม่  การเริ่มต้นที่ถนนสีลม ห้างเซ็นทรัลสีสมในปี 2511 เป็นช่วงต้นเข้าสู่ยุคสงครามเวียดนาม ซึ่งถือเป็นช่วงก้าวกระโดดของการพัฒนากรุงเทพฯอีกช่วงหนึ่ง

 

ช่วงที่2แรงกระตุ้นจากสงครามเวียดนาม (2507-2518)

2505 สยามสแควร์ พัฒนาขึ้นบนที่ดินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นภาพสะท้อนสถานการณ์ 2ด้าน

ด้านหนึ่ง-ได้รับอิทธิพลจากการเกิดขึ้นของโรงแรมใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ อันเป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นอิทธิพลอเมริกัน ในตอนที่แล้วผมได้กล่าวถึงSiam InterContinental Hotel เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2502-3 บนที่ดินของวังสระปทุม ตรงข้ามสยามสแควร์ “โรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาด 400 ห้องในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ขณะนั้น InterContinentalอยู่ในเครือข่าย Pan American Airline สายการบินระดับโลกของอเมริกา”

สอง-โอกาสใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีนอีกตระกูลหนึ่งซึ่งปักหลักในแผนดินไทยต้นรัชกาลที่ 6 ซู ถิง ฟาง ต้นตระกูลซอโสตถิกุล   เริ่มต้นผลิตรองเท้านันยางประมาณปี 2496 และต่อมามีกิจการรับเหมาก่อสร้าง–บริษัท เซาท์อีสต์เอเชียก่อสร้าง (หรือซีคอน)ในระยะใกล้เคียงกับโอกาสเป็นเจ้าของโครงการพัฒนาสยามสแควร์   ศูนย์การค้าแห่งใหม่ รูปแบบไม่แตกต่างจากย่านวังบูรพา   โอกาสใหม่เกิดขึ้นพร้อมๆกับเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง Siam Intercontinental Hotel แม้ว่าตระกูลซอโสตถิกุล ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจใหญ่ แต้ก็ดำเนินไปตามจังหวะและโอกาส

สังคมไทยในเวลานั้นมีพัฒนานาการอย่างน่าสนใจ ผมเคยอรรถาธิบายไว้

“เหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญในประเทศไทย เมื่อ14ตุลาคม2516 และ6 ตุลาคม 2519 เป็นแรงปะทะสำคัญของสังคมไทยกับGlobalization ครั้งแรก พื้นฐานทางเศรษฐกิจและธุรกิจไทยเปลี่ยนโฉมหน้าไป และต่อเนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคที่กระจายวงออกไปเป็นละลอกคลื่น

เทคโนโลยี่ระดับโลกก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกของมนุษย์ในปี2512 ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรศัพท์มาถึงครัวเรือนประเทศไทย ที่มีสำคัญเป็นพิเศษ มีการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตระดับบุคคล (individual) เกิดขึ้นครั้งใหญ่ ย่อมสร้างแรงผลักดันในเชิงธุรกิจให้แสวงหาตลาดที่กว้างขวางขึ้น

ประเทศไทยได้รับอิทธิพลโดยตรง ทางเศรษฐกิจเกิดการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคครั้งใหญ่ เน้นระหว่างเมืองกับหัวเมืองและชนบทบางพื้นที่ การลงทุนจากต่างประเทศ และการเติบโตของธุรกิจท้องถิ่น เปิดโอกาสเกิดกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าทดแทนการนำเข้า เพื่อสนองพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่เริ่มเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง(Critical Mass) ใช้สินค้าเพื่อความสะดวกสบายแบบตะวันตกมากขึ้น กระแสการตื่นตัวรับสินค้าสมัยใหม่ กว้างขวางกลายเป็นการตลาดที่คุ้มต่อการลงทุน ผลักดันเกิดเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคใน เมืองหลวงและหัวเมืองต่างๆอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ดูเหมือนเป็นกระแสที่มาพร้อมกับการตื่นตัวทางการเมืองอย่างกว้างขวาง”

บทความชิ้นนี้ไม่ได้กล่าวถึงขบวนการคอมมิวนิสต์ไทยซึ่งเติบโตมากที่สุดในช่วงเวลาเดียวกันนั้นโดยตรง ขบวนการต่อสู้กับอำนาจรัฐครั้งสำคัญครั้งนั้น ถือได้ว่าสั่นคลอนอำนาจของกรุงเทพฯครั้งรุนแรงที่สุดตั้งแต่สงครามโลกเป็นต้นมาก็ว่าได้  ท่ามกลางความหวาดวิตกแพร่กระจายจากชนบทถึงเมืองหลวง แต่กรุงเทพฯก็ยังพัฒนาไปสู่ทิศทางใหม่อย่างไม่ลดละ

2516 สยามเซ็นเตอร์-ศูนย์การค้าสมัยใหม่ แห่งแรกใจกลางเมืองหลวงเกิดขึ้นบนที่ดินของวังสระปทุม

2517 เซ็นทรัลสาขาชิดลม –ห้างสรรพสินค้าเรือธงของกลุ่มเซ็นทรัลเกิดขึ้น แม้เผชิญแรงต่อต้านสินค้าสินค้าญี่ปุ่นบ้าง แต่เติบโตได้อย่างน้าทึ่ง

 

ช่วงที่ 3 วิกฤติการณ์เศรษฐกิจ (1)

มาจากวิกฤติการณ์น้ำมันครั้งแรกๆและตลาดหุ้นในช่วงเยาว์วัย  รัฐบาลเปรม ติณสูลานนท์ (ต่อมาเป็นประธานองคมนตรี) พยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งหลายคนตีความว่าเป็นยุทธศาสตร์ความอยู่รอดของระบบธนาคารและธุรกิจใหญ่  ขณะที่ธุรกิจรายกลางรายย่อย โดยเฉพาะมาจากผู้ประกอบการรายใหม่ล้มเป็นละลอกคลื่น

ขณะที่ธุรกิจศูนย์การค้าพัฒนาขึ้น มีรูปแบบผสมสาน(mix used)มากขึ้น  เริ่มต้นจากเซ็นทรัลลาดพร้าวชานเมือง  สู่ใจกลางเมือง ปรากฏโฉมรายใหม่ แต่ก็คือกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมของสังคมธุรกิจไทย  โดยเฉพาะกลุ่มวัธนเวคิน และว่องกุศลกิจ(2527  อัมรินทร์พลาซ่า )  และตระกูลบูลกุล(2528  MBK)  ขณะที่เซ็นทรัลก็พยายามรักษาความเป็นผู้นำ(2532   ห้างสรรพสินค้าเซน)

 

ช่วงที่4 วิกฤติการณ์เศรษฐกิจครั้งใหญ่

วิกฤติการณ์เศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุด โดยไม่สามารถต้านแรงกดดันระบบการเงินโลกได้  ปรากฏการณ์หลอมละลายครั้งใหญ่ อย่างไม่เลือกรายเล็ก รายใหญ่  ผู้มาใหม่ หรือรากฐานเก่า  โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอ้างอิงกับระบบการเงินและตลาดหุ้น  ต่อมามีบทเรียนตกผลึก–  ธุรกิจที่อ้างอิงกับสังคมสมัยใหม่ วิถีชีวิตสมัยใหม่ของผู้คนในสังคมเมือง ไม่ว่าจะเผชิญวิกฤติอย่างไร ก็ยังเดินหน้าต่อไป  ธุรกิจเพื่อสร้างแหล่งจับจ่ายใช้สอยยังดำเนินไป โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจดั้งเดิม

2539 เพลินจิต เซ็นเตอร์    2540โครงการเอราวัณ แบงค็อก ของเอราวัณกรุ๊ป , สยามดิสคัฟเวอรี่

 

ช่วงที่ 5 ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหม่

ถือเป็นปรากฏการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองทีขยายวง ไม่เพียงรูปแบบ หากมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากครั้งแรกๆของสังคมไทย ความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่แบ่งเป็นฝักฝ่าย มีลักษณะร่วมกันอย่างน่าสนใจ  คือพุ่งเป้าไปสู่ฐานอำนาจของเมืองหลวงในเชิงสัญลักษณ์ที่ขยายวง   จากรัฐสภา  ทำเนียบรัฐบาล สู่ท้องถนนที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ นั่นคือย่านศูนย์การค้าใจกลางเมือง อาณาบริเวณการพัฒนา Shopping paradise ตามนิยามของบทความชุดนี้   คงไม่เป็นความบังเอิญ หากเป็นภาพสะท้อนที่จับต้องได้ว่าอาณาบริเวณนี้ คือพลังกรุงเทพฯสมัยใหม่

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวที่เข้มข้นและดุเดือดในบางช่วง แต่ไม่อาจสกัดกั้นพัฒนาการของกรุงเทพฯได้

2546 เกษรพลาซ่า 2548 สยามพารากอน   2556 สยามเซ็นเตอร์โฉมใหม่ 

ตอนต่อไป จะมองโครงสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มธุรกิจแกนกลาง Shopping paradise ให้ชัดเจนขึ้น

 

 

 

ผู้เขียน: viratts

writer and farmer

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: