ประสบการณ์ครั้งแรกแห่งการเดินทาง อันอบอวลไปด้วยกลิ่นอาย “กาแฟ” ทั้ง ๆ ไม่ได้จริงจังตั้งใจแต่แรก ทว่ามีอิทธิพลจนได้บรรจุเป็นวาระในการเดินทางท่องเที่ยวครั้งต่อ ๆ มา
เรืองราวครอบครัวหนึ่ง (บิดา-มารดาและบุตรทั้งสอง) กับการเดินทางท่องเที่ยวต่างแดน เป็นครั้งที่ 4 ที่เว้นวรรคราวทศวรรษ จากสิ่งอ้างอิงที่มี-อัลบัมภาพกับคำบรรยายสั้น ๆ บันทึกไว้กระตุ้นให้ความทรงจำสว่างไสว ประหนึ่งเรื่องราวเพิ่งเกิดขึ้น
ฉากหนึ่งซึ่งตื่นเต้นไม่น้อย ใน 1 วันกับเดินทางไกลใน 3 เมืองใหญ่ เริ่มต้นจับรถไฟจาก Manchester Piccadilly ชุมทางรถไฟที่ใหญ่ที่สุดนอก LONDON โดยสาร Virgin Trains (ภาพ 1) ของ Sir Richard Branson นักธุรกิจชาวอังกฤษผู้โด่งดัง มุ่งสู่สถานี London Euston จากนั้นต่อรถไฟฟ้าใต้ดินช่วงสั้น ๆ จนมาถึง St. Pancras International Railway Station (ภาพ 2) เพื่อเดินทางต่อไปกับ Eurostar มุ่งหน้าสู่ปลายทาง-PARIS ช่วงหนึ่งราวครึ่งชั่วโมง ไม่มีมุมมองกว้างนอกหน้าต่าง หากในมือมีกาแฟถ้วยเล็ก จาก Waitrose (ภาพ 3) เครือข่าย Supermarket อังกฤษที่มีขายบนนั้น ขณะขบวนรถไฟลดความเร็วลง เคลื่อนผ่าน Eurotunnel ยาวราว 50 กิโลเมตร… ช่วงค่ำ ๆ มีฝนโปรยปราย มาถึง Gare du Nord (ภาพ 4) ชุมทางรถไฟที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในภาคพื้นยุโรป




จะว่าเป็นภาคต่อจากการเดินทางอันเป็นปฐมบทครั้งก่อน ๆ ก็คงได้ ครั้งแรก-“พาลูกไปเที่ยวไปดูโรงเรียน” (2545) ครั้งที่สอง “พาลูกไปเล่นสกี” (2548) ) เป็น road trip ท่องนิวซีแลนด์ 2 ครั้ง ไม่ห่างกันนัก พยายามมิให้ซ้ำรอยเดิม รวม ๆ กันเกือบ 10,000 กิโลเมตร
ครั้งที่สาม (2549)-road trip อีกครั้ง ท่องเที่ยวเมืองใหญ่ ออสเตรเลีย ตามเส้นทางกว่า 3,000 กิโลเมตร จาก Sydney ถึง Canberra สู่ปลายทาง Melbourne ที่ตื่นเต้นบ้างในช่วงเริ่มต้น บุตรคนโตวัย 14 ขวบ เดินทางตามลำพัง จาก Nelson สู่ Auckland ก่อนจะบินข้าม Tasman Sea มายังจุดนัดพบ Sydney International Airport คราวนั้นมีโอกาสเชื่อมโยงความคิดบางมิติ จากมัธยม-อุดมศึกษา ผ่าน campus tour มหาวิทยาลัยบางแห่งที่นั่นด้วย (ภาพ 5– ANU-Australia National University)

ที่เว้นวรรคนานพอควร ด้วยเป็นช่วงเวลาที่บุตรทั้งสองอยู่คนละฟากโลก เวลาห่างกันถึง 12 ชั่วโมง ปีที่ผ่าน ๆ พ้น มีเพียงช่วงปิดเทอมคาบเกี่ยวกันปลายปี มีเวลาไม่มาก ทั้งสองจึงอยากอยู่บ้าน ด้วยความหมายกว้าง จึงสัมพันธ์กับแผนท่องเที่ยวไทยได้ด้วย เช่น ท่องเที่ยวทั่วดินแดนอีสานเหนือ (2553) ไปจรดฝั่งแม่น้ำโขง (ภาพ 6–ถนนคนเดินเชียงคาน) และล่องใต้ (2555) ไปปักหลัก เกาะสมุย (ภาพ 7 –รีสอร์ตบนเกาะสมุย) ผ่านช่วงเวลาระทึก (21/12/2012) ร่วมกัน ปรากฏการณ์ซึ่งปรุงแต่งจินตนาการให้เร้าใจในภาพยนตร์ Hollywood (เรื่อง 2012 -ฉายปี 2013)


อย่างที่เคยว่าไว้ “…ช่วงเวลาแสนพิเศษสั้น ๆ ก็มาถึงเสมอ เมื่อพวกเขากลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกันช่วงปลายปี ….” อย่างทีเคยว่าไว้
เมื่อ Christmas break ปลายปี 2556 การเดินทางครั้งใหม่จึงมาถึง โอกาสที่ดีเข้ากับอีกจังหวะชีวิต เมื่อ “น้อง” ข้ามซีกโลกมาบรรจบกับ “พี่” จากนิวซีแลนด์สู่อังกฤษ เวลานั้นบุตรคนโตอยู่ LONDON กำลังศึกษาปีสุดท้ายด้านออกแบบ ขณะบุตรคนเล็กอยู่ที่ Manchester เพิ่งเข้าเรียนปีแรก ด้านวิศวกรรมศาสตร์
การเดินทางไปเยี่ยมบุตร ไปท่องเที่ยวครั้งนั้น ว่าไปแล้วยึดตามแบบแผนที่เคยเป็นมา ดำเนินชีวิตช้า ๆ มิได้มุ่งเช็กอินเฉกเช่นนักท่องเที่ยวทั่วไป หากให้ความสำคัญเติมเต็มชีวิตครอบครัว กับพยายามใช้ชีวิตเช่นเดียวกับผู้คนที่ผ่านทางบางระดับ
ที่แตกต่างไปจากครั้งที่ผ่าน ๆ มา ด้วยคราวนี้ปักหลักเป็นสัปดาห์ ณ เมืองใหญ่ของโลก ทั้ง LONDON และ PARIS
ที่ PARIS เลือก Apartment (ภาพ 8) ย่านเมืองเก่า- Saint–Michel ใกล้ ๆ Latin Quarter แหล่งสถาบันการศึกษามีชื่อเสียง อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Saint-Michel ไม่ถึง 100 เมตร ยามค่ำคืนคึกคักไปด้วยผู้คนกับฉากแสงสี ร้านรวง เรียงราย อยู่ไม่ไกลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ– Notre Dame ช่วงสาย ๆ หน้าหนาว แต่ละวันใช้เวลาเดินช้า ๆ ระหว่างทางอยากแวะที่ไหนก็แวะ อยากรับประทานอะไรที่ไหนก็รับประทาน ไม่นานก็ไปถึง ไปชม ที่ที่ปักหมุดไว้ ไม่ว่า Musee du Louyre และ Center Pompidou อยู่ห่างที่พักเพียงกิโลเมตรเศษ

ที่ LONDON – Apartment (ภาพ 9) อยู่ไม่ไกลพื้นที่เป้าหมายนัก พอให้เดินถึงได้ ไปตามเส้นทางเลาะริม Regent Canal ทอดยาวผ่านหน้าชุมชน สวนสาธารณะ ชุมชนเรือ ไปจนถึงสถาบันการศึกษาของบุตรคนโต ย่าน Kings Cross กำลังพัฒนาครั้งใหญ่ แปลงโฉมจากดั้งเดิมสู่ยุคใหม่
ว่าไปแล้ว ที่ที่อยู่ไม่สามารถเดินถึงที่สำคัญ ๆ ได้ ต้องอาศัยระบบขนส่งสาธารณะ วันหนึ่งเมื่อไปถึง Tate Modern อยู่ที่นั่นครึ่งวัน จากนั้นเดินตามทางริมแม่น้ำเทมส์ ไปข้าม London bridge จนถึง Tower of London อีกวันสัมผัสประสบการณ์อันน่าทึ่ง ช่วงโปรแกรมลดราคาครั้งใหญ่ปลายปี-Boxing day (26 ธันวาคม) ฝูงชนมากมายทะลักย่านหรูหรา Regent Street บุตรคนโตอยู่ LONDON มา 4 ปี บอกไม่เคยเจอผู้คนมากมายเช่นนี้
ระหว่างทาง ในเวลาแห่งเมืองใหญ่ ได้มองเห็นปรากฏการณ์และความเคลื่อนไหวบางมิติ จะว่าไปมาจากมุมมองและจินตนาการเฉพาะตัว

มองเห็นความเคลื่อนไหวรุกคืบ โดยเครือข่ายร้านกาแฟอเมริกันสู่ยุโรป เพิ่งมาถึงทศวรรษกว่า ๆ …วันหนึ่งย่าน Champs–Élysées อันคึกคักในเมืองหลวงของฝรั่งเศส หาที่แวะหลบหนาวค่อนข้างยาก เห็นมีแต่ Starbucks (ภาพ 10) ที่พอได้ อีกครั้งตรงกับวันคริสต์มาสพอดี วันที่รถไฟใต้ดิน รถเมล์และห้างร้านสำคัญทุกแห่งหยุดให้บริการเกือบทั้งหมดใน LONDON ค่อนข้างแปลกใจ ใกล้ ๆ ที่พัก เห็นมีเพียง Starbucks (ภาพ 11) เปิดบริการ
สลับฉากด้วยภาพบรรดาคาเฟ่ยุโรปขยับปรับตัว ทั้งรายดั้งเดิมและเพิ่งมาไม่นาน PAUL ร้านเบเกอรี่เก่าแก่ ก่อตั้งกว่าศตวรรษ ณ เมืองเล็กตอนเหนือฝรั่งเศส ปรับโฉมครั้งใหญ่ในเวลาไล่เลี่ย Starbucks มาถึง มีบริการกาแฟอย่างจริงจัง ในสาขาหลายร้อยแห่ง ส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศต้นกำเนิด มีโอกาสสัมผัสมุมกาแฟอันน่าทึ่ง ณ Musee du Louyre และอีกครั้ง เต็มรูปแบบร้าน ที่ LONDON (ภาพ 12) ที่ว่ากัน เพิ่งมาเปิดเครือข่ายในอังกฤษราวทศวรรษเดียว




กับอีกราย Prêt a Manger (ภาพ 13) ร้านอาหารแบบด่วนและง่าย เรียกสั้น ๆ ว่า “เพรท” ชื่อฝรั่งเศส แต่เกิดขึ้นที่อังกฤษ ราว 30 กว่าปีมีสาขาแล้วหลายร้อยแห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร เมนูเด่นเป็นแซนด์วิชหลากหลาย เป็นที่นิยมของหนุ่มสาว ก็มีบริการกาแฟ Organic ที่ว่าคัดสรรจากแหล่งปลูกในเขตป่าฝน ภูเขาสูงด้วย


ความสนใจจริงจังพุ่งไปที่หอศิลป์-พิพิธภัณฑ์ อย่างที่ Centre Pompidou สถาปัตยกรรมแบบไฮเทคสะท้อนยุคสมัยใหม่ มีมุมกาแฟน่านั่ง (ภาพ 14) อยู่บนชั้นลอยให้มุมมองกว้าง กับอีกแห่งหนึ่ง ณ V&A museum (ภาพ 15) พิพิธภัณฑ์คลาสสิกที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง คาเฟ่ท่ามกลางบรรยากาศสงบและอบอุ่น คงความขลังและหรูหรา มุมหนึ่งมีแกรนด์เปียโนบรรเลงเบา ๆ
การเดินทางครั้งนั้นได้ตกผลึกสำคัญ สะท้อนผ่านสิ่งที่ซื้อติดมือกลับมา