สัญญาณจากเซ็นทรัล

สัญญาณการลงทุนครั้งใหญ่ของกลุ่มเซ็นทรัล ในช่วงไม่ถึงสองปีมานี้  บ่งบอกความเชื่อมั่น ทั้งจากประสบการณ์รุ่นต่อรุ่นของตระกูลจิราธิวัฒน์ และวิสัยทัศน์ว่าด้วยความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยด้วย

เรื่องเกี่ยวเนื่อง

ทิศทางปี2553/4 (2)บทเรียนกรณีเซ็นทรัล-ไทยเบฟ

เซ็นทรัลลาดพร้าว

ตำนานห้างเซ็นทรัลจากนี่เตียงถึงสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์

จากเหตุการณ์เซ็นทรัลเวิลด์  เผชิญปัญหาทางธุรกิจจากการชุมนุมทางการเมือง และ สุดท้ายโดนหางเลขจากวิกฤติการณ์ครั้งนั้นโดยตรง (พฤษภาคม  2553 เพลิงไหม้บางส่วน )จนต้องปิดเพื่อปรับปรุงพักใหญ่   นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าความรุนแรงทางการเมืองครั้งนั้นสะท้อนความไม่มั่นคงและความไม่แน่นอนของสังคมไทยจากนี้ไป แต่ดูเหมือนมิได้สร่างปัญหาความความเชื่อมั่นในอนาคตของกลุ่มเซ็นทรัลแต่อย่างใด

เริ่มต้นจากปลายปีเดียวกันนั้น(พฤศจิกายน2553 ) บิ๊กซี(กิจการร่วมทุนระหว่างคาสิโนกรุ๊ปแห่งฝรั่งเศส กับกลุ่มเซ้นทรัล) เข้าซื้อเครือข่ายค้าปลีกคาร์ฟูร์ในประเทศไทย ด้วยมูลค่าประมาณ 35,588ล้านบาท)  จากนั้นกลุ่มธุรกิจแกนของกลุ่มเซ็นทรัล ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ ทั้งในต่างประเทศ ด้วยการซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าชั้นนำในอิตาลี( พฤษภาคม 2554ซื้อเครือข่ายห้างสรรพสินค้า “ลา รีนาเชนเต” ) และการลงทุนศูนย์การค้าขนาดใหญ่กลางใจกลางเมือง(เซ็นทรัล แอมบาสซี บนถนนเพลินจิต เริ่มก่อสร้างในไตรมาสแรกปีที่แล้ว  และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2556  ) และล่าสุดประกาศการลงทุนในพื้นที่หัวเมืองของประเทศไทยอีกหลายโครงการ(กุมภาพันธ์ 2555– เซ็นทรัลพัฒนาประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่เปิดตัว 7 โครงการใหม่ในปี 2555-2556  มีมูลค่าการลงทุนร่วมกันกว่า 25,300 ล้านบาท)

เท่าที่ประเมินอย่างคร่าวๆ การลงทุนในรอบนี้ของกลุ่มเซ็นทรัล  ถือว่ามีขนาดและมูลค่ามากกว่าครั้งใดๆในประวัติศาสตร์กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทยก็ว่าได้

กลุ่มเซ็นทรัลมีทีมบริหารเป็นรุ่นที่สามของตระกูลจิราธิวัฒน์ ถือเป็นทีมใหญ่ของครอบครัวขยาย พวกเขาและเธออยู่ในวัยเหมาะสมและมีประสบการณ์ ที่สำคัญเป็นประสบการณ์ที่ต่อเนื่องจากรุ่นต่อรุน โดยเฉพาะจากรุ่นที่สองต่อรุ่นที่สามซึ่งแป้นความต่อเนื่องที่สุดในบรรดาธุรกิจครอบครัวไทย

ผลึกประสบการณ์สะท้อนถึงโมเดลธุรกิจ  ที่ถือว่าเป็นแบบฉบับสำคัญคงต้องยก  “โมเดลเซ็นทรัลลาดพร้าว”

ผมเคยอรรถาธิบายโมเดลลาดพร้าวมาบ้าง จะขออ้างเพียงเล็กน้อย ก่อนจะมีรายละเอียดและเง้มุมอื่นที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีก

“โครงการพัฒนาศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ดำเนินในพื้นที่เช่าของการรถไฟแห่งประเทศไทย ถือเป็นครั้งแรกที่ห้างเซ็นทรัลออกจากย่านธุรกิจสู่ชุมชนชานเมือง ด้วยระยะเวลาเช่า30 ปีซึ่งเพิ่งสิ้นสุดลง และต่อสัญญาอีก 20 ปีในปลายปี2551”

“โครงสร้างธุรกิจ–ภาพของธุรกิจขยายขึ้น จากห้างสรรพสินค้าสู่ศูนย์การค้า มีธุรกิจย่อยในภาพใหญ่อย่างน้อยสามธุรกิจ อยู่ด้วยกัน เกื้อกูลกัน หนึ่ง-ห้างสรรพค้าในนามเซ็นทรัล   สอง- การบริหารจัดการศูนย์การค้า ทั้งเปิดพื้นที่ค้าขายและสำนักงานเช่าให้กับคูค้ารายอื่น สาม- ธุรกิจโรงแรม”

“โครงการลาดพร้าว สร้างบริษัทสำคัญขึ้นสองแห่งขึ้นในปี  2523   ปัจจุบันกลายเป็นกิจการใหญ่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนโครงสร้างการบริหารการเงินใหม่ด้วย –บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา และบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา    บริษัทเกิดขึ้นมาเพื่อบริหารศูนย์การค้าและโรงแรมซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัลและตระกูลจิราธิวัฒน์ในเวลานั้น  กระบวนการเรียนรู้และสะสมประสบการณ์ของทั้งสองบริษัท ต่อมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  แผนโครงการระดมของกลุ่มธุรกิจได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น”  ตัดตอนมาจาก “เซ็นทรัลลาดพร้าว”  เมื่อ2ปีที่แล้ว

หากขยายความโมเดลลาดพร้าวต่ออีก  คงมีอีกอย่างน้อย2มิติ

หนึ่ง-แนวทางธุรกิจใหม่ว่าด้วยการสร้างโครงการใหญ่ในทำเลทอง ซึ่งเซ็นทรัลไม่สามารถหาซื้อที่ดินใจกลางกรุงเทพฯ เช่นนั้นได้    สัญญาเช่าทีมีระยะเวลาแน่นอน เพื่อการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่จึงกลายเป็นต้นแบบของโครงการสำคัญต่อๆมา อาทิ เซ็นทรัลเวิร์ล

สอง-กลุ่มเซ็นทรัลได้สร้างสรรค์แบรนด์  “เซ็นทรัลพล่าซา” ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกเซ็นทรัลลาดพร้าวเป็นครั้งแรก    เซ็นทรัลพลาซาเป็นโมเดลศูนย์การค้า กำลังขยายออกไปตามชานเมืองและหัวเมืองสำคัญ โดยยึดถือลักษณะธุรกิจว่าด้วยการจัดสรรพื้นที่แบบเซ็นทรัลลาดพร้าวอย่างเข็มงวด    โดยมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เป็นหลัก และมีพื้นที่เช่าอีกส่วนหนึ่งสำหรับห้างร้านดังอื่นๆ และจากนี้ได้พยายามรวมโรงแรมเซ็นทราเข้าไปด้วย

เซ็นทรัลพลาซาเป็นศูนย์การค้ามีเครือข่ายมากที่สุดของกลุ่มเซ็นทรัล  ท่ามกลางแบรนด์อื่นๆที่พยายามสร้างขึ้น ตลาดบนอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว-เซ็นทรัลเฟสติวัล  ตลาดตามหัวเมืองชั้นรอง —โรบินสัน  และโรบินสัน ไลฟสไตล์เซ็นเตอร์

ที่สำคัญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของกลุ่มเซ็นทรัล มีความเชื่อมโยงกับความคิด จากการติดตามและประเมินการเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วย โดยเฉพาะจากสถานการณ์ความผันแปรในช่วง 4ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มเซ็นทรัล ในฐานะจิราธิวัฒน์รุ่นที่สอง ล้วนผ่านประสบการณ์สำคัญช่วงนั้นมา

ตั้งแต่ยุคเซ็นทรัลชิดลม ในช่วงอิทธิพลสหรัฐกับสงครามเวียดนาม (2507-2518)  แต่การเริ่มต้นอยู่ในสถานการณ์ไม่ราบรื่นจากวิกฤติการณ์ทางการเมือง  ที่ผู้คนในสังคมเข้าร่วมมากที่สุดครั้งแรกๆของสังคมไทยในช่วงปี 2516-7 การเคลื่อนไหวสำคัญที่กระทบต่อกลุ่มเซ็นทรัล คือการต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น การปลุกกระแสชาตินิยม ลามไปจนถึงต่อต้านสินค้าต่างประเทศทั้งหมด ถือเป็นภาพความขัดแย้งกับการเกิดขึ้นของเซ็นทรัลชิดลม ในฐานะความพยายามยกระดับห้างในกรุงเทพฯ ในมิติความสัมพันธ์ไลฟ์สไตล์ของสังคมเมือง –เชื่อมกรุงเทพฯเข่ากับเมืองใหญ่ของในโลกตะวันตก    เซ็นทรัลไม่กล้าแม้แต่จะติดป้ายห้างเป็นภาษาอังกฤษ

และอีกครั้งในช่วงเซ็นทรัลลาดพร้าว( 2520-2528) สืบเนื่องมาจากความจำเป็นต้องใช้เงินกู้เพื่อสร้างโครงการใหญ่ เมื่อเผชิญวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ การกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ไทยเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ก็สามารถกู้เงินจากธนาคารต่างชาติได้บางส่วน   วิกฤตการณ์ครั้งนั้นซ้ำเติมต่อเนื่องด้วยการลดค่าเงินบาทถึงสองครั้ง หนี้สินเงินตราต่างประเทศของกลุ่มเซ้นทรัลเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์

อีกช่วงในเศรษฐกิจบูม   ความพยายามพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจบลงด้วยการเผชิญวิกฤติครั้งร้ายแรงที่สุด( ปี2540)  โดยเฉพาะความพยายามขยายเครือข่ายในต่างจังหวัด จากการซื้อกิจการห้างโรบินสัน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าอิสระ มีสาขาอยู่ในจังหวัดใหญ่อยู่บ้างในช่วงปี 2522-2538 แผนการรุกต่างจังหวัดครั้งใหญ่ต่อเนื่อง ปี 2538 โรบินสันเดินแผนซื้อหรือร่วมมือกับเครือข่ายห้างภูธร   แผนการนั้นดำเนินได้เพียงสั้นๆ ต้องเผชิญปัญหาวิกฤติการณ์ในปี 2540 แผนจึงสะดุด และหยุดชะงักอย่างยาวนาน

ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ในเชิงลบ ความผันแปรอย่างมากมายในช่วง 4ทศวรรษที่ผ่านมา แต่สังคมไทยเดินหน้าไปสู่วิถีชีวิตทันสมัยเสมอ –นี่คือบทสรุปหนึ่ง    เชื่อว่ากลุ่มเซ็นทรัลกำลังมองภาพนี้ ขยายออกไปสู่หัวเมืองอย่างรวดเร็ว และขณะเดียวกันมิเพียงเป็นปรากฏการณ์ในสังคมไทยเท่านั้น หากร่วมทั้งภูมิภาค กำลังหลอมรวมกันทั้งเศรษฐกิจ และไลฟสไตล์ด้วย

“..เล็งเห็นถึงอนาคตการเติบโตของหัวเมืองหลักซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ จึงได้เตรียมเข้าไปลงทุนพัฒนาศูนย์การค้า ..เอื้อประโยชน์ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเอื้อประโยชน์ให้การค้าในแถบชายแดนประตูสู่อินโดจีน” (กอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของซีพีเอ็น 29 กุมภาพันธ์ 2555)

ถ้อยแถลงของกลุ่มเซ็นทรัลสะท้อนความเชื่อมั่นในมุมมองกว้าง โดยมองข้ามปัญหาสังคมในบางด้าน

ผู้เขียน: viratts

writer and farmer

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: