Mega Farm

ผมมีข้อเสนออย่างตั้งใจ  ในฐานะผู้จุดกระแสเกษตรกรรมและAEC มากว่า 2 ปี ว่าแนวโน้มสำคัญ—ฟาร์มขนาดใหญ่กำลังเกิดขึ้นและขยายตัว จะมีบทบาททางเศรษฐกิจในภูมิภาคมากขึ้น โดยนักธุรกิจไทยเป็นผู้เล่นสำคัญ

ผมเคยนำเสนอแนวคิดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ตั้งแต่กลางปี2553 ด้วยการจับปรากฏการณ์ของกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ เริ่มต้นจากกลุ่มไทยเจริญ หรือทีซีซี ในความพยายามรุกคืบสู่ธุรกิจเกษตร  ด้วยการลงสู่ระบบการบริหารเกษตรกรรมรายใหญ่ ซึ่งเรียกว่าPlantation (อ้างจากบทความเรื่อง เกษตรกรใหญ่ กรกฎาคม2553   หรือจากหนังสือ ยุทธศาสตร์เอาตัวรอดของกูรูธุรกิจ สำนักพิมพ์มติชน ปี 2554) ขณะเดียวกัน เสนอความเคลื่อนไหวของผู้นำธุรกิจเกษตรอันโดดเด่นอย่างซีพี ว่าได้ซุ่มดำเนินธุรกิจการเกษตรที่เรียกว่า“กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร” โดยริเริ่มโครงการข้าวครบวงจรตั้งแต่ ปี 2537 (จากเรื่อง   ธนินท์ กับ เจริญ     สิงหาคม2553)

ความเคลื่อนไหวทั้งสองรายใหญ่ครึกโครม  ประหนึ่งเป็นภาพที่โผล่พ้นน้ำ  แต่ขณะเดียวกันเสนอความเคลื่อนไหวเงียบๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านด้วย 

เครือข่ายธุรกิจทีซีซี โดยกลุ่มพรรณธิอร ขยายธุรกิจสู่กัมพูชามาตั้งแต่ปี 2549   โครงการอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มครบวงจร ในพื้นที่ประมาณ 150,000 ไร ในเกาะกง ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจน้ำตาลรายใหญ่อื่นๆ มุ่งสู่ธุรกิจขั้นต้น—การปลูกอ้อย ด้วยการลงทุนในประเทศกัมพูชาเช่นเดียวกัน

กลุ่มน้ำตาลมิตรผล เริ่มต้นธุรกิจในประเทศลาว(ตั้งแต่ปี 2548 ) ตามแผนการปลูกอ้อยประมาณหนึ่งแสนไร่และตั้งโรงงานผลิตน้ำตาลมากถึงล้านตัน/ปี ในแขวงสะหวันนะเขต   ขณะที่กลุ่มกลุ่มเคเอสแอล เปิดโรงงานผลิตน้ำตาล ถือได้ว่าเป็นโรงงานน้ำตาลแห่งแรกของประเทศกัมพูชา (ต้นปี 2553) ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในโครงการเพาะปลูกอ้อยและก่อสร้างโรงงานน้ำตาล ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เนื้อที่รวมกันมากว่าหนึ่งแสนไร่

ในประเทศลาว มีความเคลื่อนไหวจากธุรกิจไทยอย่างคึกคักเช่นกัน  กลุ่มพรรณธิอรใช้พื้นที่ประมาณ 15,000 ไร่ในโครงการครบวงจรจากการปลูกกาแฟในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1.300 เมตร บริเวณที่ราบสูงในแขวงจำปาสัก   บริษัทสยามน้ำมันละหุ่ง ส่งเสริมการปลูกและรับซื้อเมล็ดละหุ่งในแขวงเวียงจันทน์และไซยะบุลี  กลุ่มแอดว๊านซ์อะโกร เจ้าของผลิตภัณฑ์กระดาษดับเบิ้ลเอ ส่งเสริมและรับซื้อไม้ยูคาลิปตัสในแขวงสะหวันนะเขต คำม่วน และเวียงจันทน์ บริษัทไทยฮั้วยางพาราผู้นำธุรกิจยางพารา ร่วมทุนกับฝ่ายลาวนำกล้ายางไปทดลองปลูกและส่งเสริมเกษตรกรในแขวงสะหวันนะเขต  และบริษัทเจียเม้ง ธุรกิจค้าข้าวเก่าแก่ของไทย เข้าไปทดลองปลูกข้าวทั้งพันธุ์พื้นเมือง และพันธ์ใหม่ๆในเขตนครหลวงเวียงจันทน์

หากรวมการลงทุนของปตท.ในอินโดนิเชีย  ในโครงการปลูกปาล์มน้ำมันมากกว่า 2แสนไร่ มาตั้งแต่ปี2550 เข้าไปด้วย ภาพดูตื่นเต้นขึ้นอีก

ภาพเหล่านั้น มีความเชื่อมโยงกับการหลอมรวมระบบเศรษฐกิจภูมิภาค(Asean economic community –AEC 2016) โดยตรง โดยมีความเคลื่อนไหวกระชับพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่อเนื่องที่ไม่ใช่เกาะ   ไปทั้งฝั่งตะวันออก—พม่า และฝั่งตะวันตก—เวียดนาม และยังผนวกดินแดนบางส่วนของจีนแผ่ดินใหญ่ตอนใต้ไว้ด้วย

ความเคลื่อนไหวอันคึกคักของธุรกิจไทย  สะท้อนความเปลี่ยนแปลงฐานะของเกษตรกรรมไปจากเดิมอย่างมาก ธุรกิจไทย ถือว่ามีประสบการณ์ทั้งโดยตรงและเชื่อมโยงกับเกษตรกรรม ถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดในภูมิภาคก็ว่าได้ ย่อมมองเห็นโอกาส

–เกษตรกรรมเป็นฐานของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง  จากอุสาหกรรมอาหาร พลังงาน สู่ยารักษาโรค   เป็นวงจรกว้างและต่อเนื่องมากขึ้น  ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรกรรมสูงขึ้น  การค้นควาว่าด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ(Biotechnology) มีมากขึ้น ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพเติบโตขึ้นในระดับโลก

–ปัญหาจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกษตรกรรมมีความไม่แน่นอนมากขึ้น   แรงบีบคั้นและแรงบันดาลใจให้มีการค้นคว้าวิจัยอีกด้านหนึ่งอย่างเข้มข้นมากขึ้น นั่นคือความพยายามบริหารจัดการเกษตรกรรมให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากขึ้น  อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรเติบโต   ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการเกษตรกรรมแปลงใหญ่ก็พัฒนาขึ้นมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสของเกษตรกรรมรายย่อย ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการพื้นฐานของสังคมไทย ย่อมมีปัญหาความสามารถในการปรับตัวหรือพัฒนาตนเองก้าวเข้าสู่ยุคใหม่  แต่อย่างไรก็ตาม  เกษตรกรรมแบบแปลงใหญ่(Mega Farm) ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย

–เกษตรกรรายย่อย ไม่สามารถเผชิญและรับความเสี่ยง จากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากเดิม

–เกษตรกรรายย่อยไม่มีความสามารถ แสวงหาเงินทุนและเทคโนโลยีที่เหมาะสม มาจัดการกับเกษตรกรรมแปลงเล็กเพื่อการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความเปลี่ยนแปลงข้างต้นเป็นกระแสหลัก ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงยาก  ผมเคยเสนอภาพทำนองนี้มาแล้ว

“ความจริงแล้วโครงสร้างการเกษตรพื้นฐานของไทยเปลี่ยนไปจากเดิมมากแล้ว เกษตรกรรายย่อย ค่อยๆเปลี่ยนตัวเองเป็นลูกจ้างในภาคเกษตร ขณะที่พวกเขาจำนวนมากไม่มีที่ทำกินหรือมีบ้างก็ให้เช่าในราคาถูก กับ  “ผู้รับเหมา”รายค่อนข้างใหญ่ ซึ่งเป็นผู้อำนาจทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น ดำเนินการบริหารแบบครึ่งๆกลาง ในพื้นที่แปลงค่อนข้างใหญ่ ด้วยระบบว่าจ้าง รวมทั้งสินเชื่อนอกระบบจากพ่อค้าสินค้าทีเกี่ยวข้อง”อ้างแล้วจากจากบทความเรื่อง เกษตรกรใหญ่  กรกฎาคม2553 )  อย่างไรก็ตามผมยังเชื่อว่าเกษตรกรรมกระแสรองที่มุ่งสู่มูลเพิ่มอย่างเฉพาะเจาะจง ยังคงดำรงอยู่ และอ้างอิงกับเกษตรกรรมแบบ Mega Farm ต่อไปได้

—ขณะเดียวกันเนื่องจากที่ดินแปลงใหญ่ในประเทศขนาดนับหมื่นไร่ขึ้นไปมีน้อย เนื่องจากมีเจ้าของกระจัดกระจายจำนวนมาก    อีกทั้งนักลงทุนรายใหญ่ มีความกังวลใจการกว้านซื้อพื้นที่แปลงใหญ่ จากระบบกรรมสิทธิ์ที่ดินของสังคมไทยจากรากเหง้าสังคมศักดินา

—เกษตรกรรมแปลงใหญ่ของไทยส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงระดับพันไร่ ถือเป็นเรื่องท้าทายของเกษตรกรรายใหญ่ในจัดการและพัฒนา ซึ่งเชื่อว่าพื้นที่เกษตรกรรมในประเทศ  คงมีบทบาทเป็นส่วนสำคัญของการวิจัยและพัฒนาของธุรกิจเกษตรของไทย เพื่อการต่อยอดเกษตรกรรมในพื้นที่แปลงใหญ่นอกประเทศต่อไป

ความเคลื่อนไหวอันคึกโครมระดับภูมิภาคที่เริ่มต้นจากกัมพูชาและลาว มาจากแรงขับดันในประเทศเป็นสำคัญ  จึงดำเนินต่อไป ความพยายามแสวงหาพื้นที่แปลงใหญ่นอกประเทศมีมาก  ในปัจจุบันที่ดินแปลงใหญ่ภูมิภาคระดับหมื่นไร่ขึ้นไปในประเทศเพื่อนบ้าน  ก็เหลือน้อยลงเช่นกัน

เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อนักว่า ซีพีเดินแผนค่อนข้างอนุรักษ์นิยม  ทั้งที่เริ้มต้นธุรกิจพืชครบวงจรตั้งแต่ ปี 2537 แม้ปัจจุบันดูเหมือนเชื่อมั่นในแนวทาง Mega Farmมากขึ้น

“ในปี 2551-2553 บริษัทขยายธุรกิจปาล์มน้ำมัน โดยเริ่มโครงการที่นครศรีธรรมราช 2,200 ไร่ ชุมพร  600 ไร่ และกำแพงเพชร 122 ไร่ โดยแต่ละจุดจะเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีเป้าหมายจุดละ 10,000 ไร่ รวมพื้นที่โครงการในระยะแรก 60,000 ไร่ และเตรียมกำหนดพื้นที่เป้าหมาย เพื่อตั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่ดังกล่าวข้อมูลจากกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร(http://www.cpcrop.com  )สู่การขยายตัวในประเทศเพื่อนบ้านก็มีเพียง “ เราได้เข้าไปดำเนินการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดในประเทศใกล้เคียง ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา ส่งเสริมให้เขาผลิตข้าวโพดแล้วเรารับซื้อผลผลิตกลับมาอีกที”

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรประเมินซีพีต่ำเกินไป

ประชาชาติธุรกิจ  18 มกราคม2555

ผู้เขียน: viratts

writer and farmer

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: