ตัน กับ เจริญ

ตัน กับ เจริญ สองคนนี้กำลังเดินทางมาอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

ตัน ภาสกรนที เจ้าของน้ำดื่มชาเขียวและร้านอาหารญี่ปุ่น โออิชิ ตัดสินใจขายกิจการที่เพิ่งสร้างฐานที่ดูมั่นคงแข็งแรงอย่างไม่มีใครทำได้มาไม่ถึง 5 ปี   ย่อมสร้างความงุนงงต่อผู้คนในสังคมอย่างมาก

ความสำเร็จของเขาเป็นเรื่อง “ตื่นตาตื่นใจ” ของผู้คนในสังคมธุรกิจ ถือเป็นคนไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในช่วงหลังวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นโมเดลที่ผู้คนให้ความสนใจ ศึกษากันอย่างมาก    ความสำเร็จของตันเป็นภาพสะท้อนสังคมที่ควรอรรถาธิบาย

เจริญ สิริวัฒนภักดี สร้างฐานธุรกิจมาด้วยความยากลำบาก จนกลายเป็น “คนสุดท้าย” ในระบบเศรษฐกิจเก่า ที่มีความสัมพันธ์กับระบบอุปถัมภ์ และสัมปทาน  ความสำเร็จของเขาดูมั่นคงและมีรากฐาน   ยิ่งไปกว่านั้น วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา แม้เขาต้องสูญเสียกิจการที่สำคัญไปบ้าง แต่ก็รักษาส่วนสำคัญที่สุดไว้ได้ เขาผ่านช่วงนั้นมาได้และขยายตัวใหม่อย่างรวดเร็ว จึงดูเหมือนไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้องเดินทางเข้าสู่จุดหัวเลี้ยวหัวต่อในขณะนี้

ตันเป็นผู้ประกอบการที่มีสัญชาตญาณเฉกเช่นผู้ประกอบการชาวเอเชียทั่วไป กล้าเสี่ยง และมีความสามารถเฉพาะตัว แม้เขาไม่มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีเหมือนคนหนุ่มสาวในรุ่นที่สองของชนชั้นนำธุรกิจไทย แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า สังคมไทยเปิดโอกาสเสมอสำหรับคนที่มีประสบการณ์เชี่ยวกรำ เขาสร้างและบุกเบิกธุรกิจน้ำดื่มชาเขียว สร้างและยึดตลาดเซ็กเมนต์ใหม่ มูลค่าหลายพันล้านบาท เป็นตลาดบุคลิกสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ เขาใช้เวลาเพียงสั้นๆ นำกิจการเข้าตลาดหุ้น สร้างความมั่งคั่งชั่วข้ามคืน เป็นการเดินทางถึงเป้าหมายที่หลายคนใฝ่ฝันได้อย่างกระฉับกระเฉงและรวดเร็ว

แต่ว่าโอกาสที่เปิดมีช่วงเวลาจำกัด  ได้สร้างข้อจำกัด และความเสี่ยงด้วย ที่สำคัญ ตัน ภาสกรนที รู้เรื่องนั้นดีกว่าใครๆ

ธุรกิจของเขามีความสัมพันธ์กับฐานผู้บริโภคระดับกว้าง ซึ่งมีความผันแปรอย่างมาก ว่าด้วยรสนิยม วิถีชีวิต และสื่อ ในอีกด้านหนึ่งเป็นธุรกิจเปิด ใครๆ ก็เข้ามาได้ และสามารถเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว  ความได้เปรียบทางธุรกิจในฐานะผู้มาก่อนมีอายุสั้นมาก ที่สำคัญความสามารถ สัญชาตญาณของเขายากที่จะส่งต่อให้คนอื่นๆ   คุณค่าธุรกิจโออิชิอยู่ที่สัญชาตญาณของตัน    นับวันคุณค่าจะค่อยๆ ลดลง และมีความเสี่ยงมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น หากเขากระจายความเสี่ยง  เขาย่อมจะมีเวลามากขึ้น ในการสะสมความมั่นคง ณ ที่อยู่บนยอดคลื่นไว้

เจริญ สิริวัฒนภักดี รู้มานานแล้วว่า “คุณค่าธุรกิจ” ที่มาจากระบบอุปถัมภ์และสัมปทานไม่คงทน เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกว่าที่ใครๆ คิด  และที่สำคัญมันไม่ใช่สินทรัพย์ที่ส่งต่อให้ทายาทได้

เป็นที่เข้าใจกันว่า ฐานธุรกิจสำคัญที่สุดของเขา  คือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์   เจริญและทีมผู้บริหารมืออาชีพผู้ปราดเปรื่องของเขาคงพิเคราะห์แล้วว่า คุณค่าของธุรกิจที่แท้จริง อยู่ที่ความสามารถการบริหารเครือข่ายการตลาด ไม่น่าจะใช่ตัวสินค้า  หากเขามีสินค้าที่มีฐานแข็งแรง เข้าเสียบอย่างเหมาะเจาะ  ย่อมจะสร้างฐานและขยายธุรกิจที่มั่นคงต่อไป   ที่สำคัญกว่านั้น เขาสามารถเดินทางข้ามผ่านจากธุรกิจเก่าไปสู่ธุรกิจใหม่ที่มีอนาคตมากขึ้น

ธุรกิจเก่าในความหมายชัดเจน  ธุรกิจที่อิงกับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งมีคุณค่าเฉพาะตัว (เจริญ)   ซึ่งนับวันมีทั้งต้นทุน และความเสี่ยงมากขึ้น หากก้าวพ้นไปสู่ธุรกิจที่อาศัยการตลาดระดับกว้างแล้ว ก็ย่อมจะเป็นการ “เปลี่ยนผ่าน” ที่ดี ที่ราบรื่น  แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านนี้จะต้องลงทุนหลายพันล้านบาท ก็นับว่าคุ้มค่า

ความเคลื่อนไหวของเจริญ สิริวัฒนภักดี น่าจะมาจากแรงบันดาลใจในการสร้างฐานธุรกิจที่เหมาะกับรุ่นลูกๆ  ขณะที่ตัวเขาเดินทางมาไหล  เหนื่อยล้า  และสูงวัยมากขึ้นแล้ว

ทั้งตัน ภาสกรนที และเจริญ สิริวัฒนภักดี จึงเดินทางมาบรรจบกันตรงนี้ได้อย่างลงตัว

นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2549)

.

ผู้เขียน: viratts

writer and farmer

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: