(แปลและเรียงเรียงมาจาก The “Dragon” Supply Chain in China ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรณีศึกษา International Agribusiness in China: Charoen Pokphand Group, Harvard Business School, November 16, 2009)
ที่ซีพี ผู้บริหารมักจะมองห่วงโซ่อุปทานเป็น “มังกร” ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์มงคลของอำนาจในประเทศจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ และพื้นที่ต่างๆอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทางสังคมที่แตกต่างกันไป ฝ่ายปฏิบัติการของซีพีในประเทศจีนจึงได้ริเริ่มระบบ “มังกร” ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะให้มีความยาวและความลึกที่แตกต่างกัน กลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานนี้เป็นระบบธุรกิจการเกษตรจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคระบบแรกที่ถูกนำมาใช้ในประเทศจีน
“มังกร” แต่ละตัวมีศักยภาพที่จะเป็นตัวแทนของโมเดลธุรกิจ ที่รู้จักกันในชื่อ “จากฟาร์มถึงส้อม” ซึ่งครอบคลุมวงจรธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมทั้งหมด นับจากขั้นตอนการจัดหาวัตถุดิบสำหรับอาหารสัตว์ การผลิตอาหารสัตว์ และการสัตวบาล (ซีพีได้ก่อตั้งโรงเพาะเลี้ยงลูกไก่แห่งแรกในประเทศจีน) การแปรรูปอาหารและการกระจายสินค้าอาหารไปยังตลาดทั้งในและนอกประเทศ ซีพีได้ใช้ผู้ตรวจสอบอาหาร นักวิทยาศาสตร์อาหาร เจ้าหน้าที่ห้องทดลองและผู้เชี่ยวชาญในการรับรองคุณภาพของตนเอง และยังคงให้มีห้องทดลองในบริเวณโรงงานเพื่อทดสอบอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าได้มาตรฐานในเรื่องคุณภาพด้านจุลชีวเคมี ด้านเคมีและด้านโภชนาการ บริษัทส่วนใหญ่ของซีพีได้รับการรับรอง ISO9000 และ ISO14000 และสินค้าอาหารทั้งหมดได้ผลิตตามมาตรฐาน HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points)
ฟาร์มของซีพีส่วนใหญ่ได้มีการกำหนดที่ตั้ง ออกแบบและก่อสร้างสำหรับการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ และถูกแยกออกจากเขตชุมชนและฟาร์มอื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ระบบ “ฟาร์มถึงส้อม” ยังช่วยให้ซีพีมีระบบการบันทึก เพื่อจะได้สามารถติดตามขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่จุดใดๆในห่วงโซ่อุปทาน ซีพีก็สามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าและติดตามการกระจายไปยังผู้ใช้สุดท้าย นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้ซีพีแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆในประเทศจีน
การจัดหาและการนำห่วงโซ่อุปทานจีนมาใช้
เพื่อให้เห็นว่าซีพีได้นำกลยุทธ์ของซีพีมาใช้ในตลาดที่มีขนาดใหญ่และหลากหลายเช่นจีนได้อย่างไร การปฏิบัติการด้านห่วงโซ่อุปทานแบบรวมตัวในแนวตั้งของซีพี มีตั้งแต่ปฏิบัติงานของโรงงานอาหารสัตว์ ไปยังการขยายตัวไปข้างหน้า (Forward integration) ไปยังการผสมพันธุ์ การเพาะเลี้ยง การสัตวบาล และการแปรรูปเนื้อสัตว์ และขั้นตอนการเตรียมที่เป็นการเพิ่มมูลค่าของเนื้อสัตว์พร้อมบริโภคและอาหารแช่แข็ง ขั้นตอนสุดท้ายนั้นให้ความสำคัญในเรื่องการส่งเสริมผ่านกระบวนการ branding การทำตลาด และการกระจายสินค้าทั้งสำหรับตลาดภายในประเทศและตลาดเพื่อการส่งออก
ซีพีจะใช้ “มังกร” ที่ยาว สั้น ใหญ่ หรือเล็กซึ่งบริหารงานโดยคนที่มีความชำนาญที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ที่ซีพีดำเนินกิจการอยู่ ในพื้นที่ที่การพัฒนาอยู่ในระดับต่ำกว่า รองประธานมีแนวโน้มที่จะบริหารงานอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ ในเมืองระดับแนวหน้าที่มีการพัฒนามากกว่า จะมีการแต่งตั้งผู้จัดการที่มีประสบการณ์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ ซีพียังเสาะหาผู้มีความสามารถในพื้นที่นั้นๆจากมหาวิทยาลัยด้านการเกษตรและโรงเรียนอาชีวะ ระบบหมุนเวียนทำให้บุคลากรสามารถไต่เต้าจากตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญไปยังตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป พนักงานที่มีศักยภาพจะได้รับการหมุนเวียนไปปฏิบัติงานในภูมิประเทศที่แตกต่างกันไป และจะถูกส่งไปยังซีพีที่ประเทศไทยเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่มากกว่าในด้านการปฏิบัติงาน “มังกร” ซึ่งถูกจัดให้เป็นระบบอย่างดีแล้ว
ในประเทศจีน ซีพีมีโรงงานอาหารสัตว์จำนวน 80 โรง ซึ่งในปี 2008 ครองส่วนแบ่งตลาดอาหารสัตว์ในประเทศจีนประมาณ 10% ซีพีขายอาหารสัตว์ให้กับเกษตรกรผ่านร้านค้าเฉพาะทางที่มีอยู่ทั่วประเทศ ร้านค้าเหล่านี้ให้บริการด้านคำปรึกษาในเรื่องสินค้า ผ่านทางวิดีโอที่มีอยู่ในร้าน หรือไม่ก็ผ่านการประชุมเป็นกลุ่มที่ได้จัดเตรียมการไว้ล่วงหน้า ทำให้เกษตรกรสามารถเรียนรู้ที่จะใช้อาหารสัตว์ของซีพีอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
ซีพีเพาะเลี้ยงไก่และหมูโดยใช้เทคนิคที่ทันสมัยที่สุด สำหรับไก่ เทคนิคนี้รวมถึงการกะเทาะไข่เป็นล้านใบเพื่อให้ได้ลูกเจี๊ยบซึ่งจะถูกนำไปเลี้ยงภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีการควบคุม โดยผู้เลี้ยงอิสระซึ่งจะสามารถขายไก่กลับไปให้ซีพีเพื่อนำไปผลิตเป็นอาหารต่อไป ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยรวมถึงฟาร์มเพาะเลี้ยงที่มีหลายชั้น เกษตรกรซึ่งก่อนหน้านี้สามารถเลี้ยงไก่พื้นเมืองได้เพียงจำนวนหนึ่งในพื้นที่หลังบ้าน จะสามารถเลี้ยงไก่ได้มากถึง 100, 000 ตัวด้วยความช่วยเหลือจากซีพีและนักวิทยาศาสตร์ในพื้นที่ที่ซีพีจ้างไว้ ในปี 2004 ไก่รุ่นของซีพีคิดเป็น 20% ของไก่รุ่นที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศจีน
การขยายตัวของระบบ “มังกร”
มาตรฐานความเป็นอยู่ที่สูงขึ้นในประเทศจีนทำให้ความต้องการเนื้อสัตว์และโปรตีนเพิ่มสูงขึ้น ในปี 2008 ชาวจีนบริโภคเนื้อหมูมากกว่า 70% ของเนื้อหมูที่บริโภคทั้งโลก เพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ ชาวจีนได้เลี้ยงสุกรเอาไว้บริโภคเองและยังได้กลายมาเป็นผู้ผลิตสัตว์ปีกรายใหญ่อันดับสองของโลก จีนผลิตเนื้อไก่ได้ประมาณ 19% ของที่ผลิตได้ในโลกและผลิตไข่ได้มากกว่า 40% ของที่ผลิตได้ในโลก หน้าที่ของซีพีในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ เกิดจากการทำงานร่วมกับเกษตรกรอิสระในประเทศจีน ซีพีแปรรูปเนื้อสัตว์ที่ได้จากผู้เลี้ยงอิสระที่ได้ทำสัญญากันไว้ ให้เป็นเนื้อสัตว์สด เนื้อสัตว์แช่เย็นและเนื้อสัตว์แช่แข็ง สินค้ารวมถึงอาหารที่ปรุงสุกมากกว่า 100 ชนิด มีตั้งแต่ติ่มซำ สะเต๊ะ จนถึงอาหารแช่แข็ง ปัจจุบัน ซีพีมีระบบ “มังกร” ที่ครบวงจรในประเทศจีนจำนวน 6 ระบบสำหรับการตอบสนองผู้บริโภคในญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และยุโรป นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 ระบบที่มีเพื่อไว้ตอบสนองตลาดในประเทศ
ภายในปี 2007 ธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรของซีพีเติบโตอย่างแข็งแกร่งในจีน และรายได้จากประเทศจีนนี้คิดเป็น 40% ของรายได้รวมที่กลุ่มซีพีได้รับ ซึ่งมีมากถึง 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซีพีนั้นแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติที่มักตั้งฐานธุรกิจที่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งรอบๆเซี่ยงไฮ้และกวางตุ้ง โดยได้ลงทุนประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วประเทศจีน โดยก่อตั้งบริษัทจำนวน 213 บริษัทในทุกจังหวัดของจีน ยกเว้น Qinghai และจ้างงานมากกว่า 80,000 คน ยอดขายต่อปีสูงเกิน 30 พันล้านหยวน (4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีการประเมินว่ารายได้ของซีพี น่าจะเติบโต 15% ในปี 2008
ตัวอย่างระบบ “มังกร” ซีพีในประเทศจีน คือ Qingdao Chia Tai Co.,Ltd. (QCTC) บริษัทแปรรูปเนื้อสัตว์ขนาดใหญ่อันทันสมัย ตั้งอยู่ที่ Qingdao, Shangdong ในปี 1989 ด้วยการลงทุนทั้งสิ้น 1 พันล้านหยวน (ประมาณ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อตอบสนองพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน รวมทั้งส่งออกไปยัง 20 ตลาด ไล่ตั้งแต่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป รัสเซีย ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกงและมาเก๊า QCTC ได้ใช้วิธีการบริหารแบบผสมผสาน 5 อย่างเพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย QCTC จัดหาอาหารสัตว์ สายพันธุ์ วัคซีน เทคโนโลยีและเทคนิคการจัดการให้กับเกษตรกรแต่ละราย ในแต่ละปี ผลิตอาหารสัตว์ได้มากถึง 400,000 ตัน มีการใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่นำเข้ามาจากเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเพื่อแปรรูปไก่พ่อพันธ์กว่า 9 ล้านตัว ไก่รุ่นกว่า 52 ล้านตัว เนื้อไก่ดิบกว่า 78,000 ตัน และเนื้อไก่แปรรูปกว่า 30,000 ตันในแต่ละปี