สยามสินธร เดิมชื่อสยามพาณิชย์อุตสาหกรรม ก่อตั้งเมื่อปี 2530 ช่วงเดียว ที่ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นกิจการร่วมทุน ระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ กับบริษัทแลนด์แอนด์เฮาส์ในอัตราส่วน 51/49 เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมริมทรัพย์ด้านอาคารสูงในเมือง ซึ่งแลนด์แอนด์เฮาส์ไม่ทำในช่วงนั้น เริ่มจากการเข้าทำโครงการต่อเนื่อง อาคารสินธร และโครงการมิ่งเมืองที่เรียกว่าดิโอลด์สยามพลาซ่า ในช่วงที่จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่นาน และเป็นช่วงพยายามจัดระบบธุรกิจที่ดินให้เป็นธุรกิจสมัยใหม่
โครงการอาคารสินธรเริ่มต้นปี2523 ในเนื้อที่12ไร่ เป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ่เป็นศูนย์กลางการเงินสำคัญ โดยชักชวนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้ายที่ทำการมาที่นี่ได้ด้วย สร้างเสร็จในปี2525 ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกต่ำ กิจการที่เช่าซึ่งส่วนใหญ่สำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้นอยู่ ค่าเช่าจึงมีราคาค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเมื่อ จิรายุ เข้ามาเห็นว่าการขยายโครงการใหม่ในช่วงเวลาเดียวกับสำนักงานเกิดขึ้นในย่านเดียว และประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ จึงเริ่มให้บริษัทสยามพาณิชย์อุตสาหกรรมเข้ามาบริหารงานโครงการต่อเนื่องใหม่ 2ทาวเวอร์ สร้างเสร็จในปี2535 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นขยายตัวอย่างมากพอดี จึงกลายเป็นความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่
ในระยะเดียวกัน บริษัทสยามพาณิชย์อุตสาหกรรม เริ่มเดินงานโครงการมิ่งเมือง โครงการศูนย์การค้าในเกาะรัตนโกสินทร์ กว่าจะเริ่มโครงการได้ ต้องมีคดีฟ้องร้องกับผู้เช่าเก่าจำนวนหลายราย แรงเสียดทานครั้งนี้ มีส่วนทำให้โครงการใหม่ๆของกิจการอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่ทิีดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ์เองเท่านั้น โครงการนี้สร้างเสร็จในปี 2535 ถือเป็นแนวคิดใหม่ให้เอกชนเข้าดำเนินการ
อีก 3 ปีจากนั้นจึงมาสู่ยุทธ์ศาสตร์การร่วมทุน เมื่อบริษัทสยามพาณิชย์อุตสาหกรรมเปลี่ยนชื่อ เป็นสยามสินธรปลายปี2537 สำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้นใหญ่37.5%เท่าๆกับแลนด์แอนด์เฮาส์ ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ถือเพียง25%
แผนการขยายใหญ่ เสี่ยงมากขึ้น เกี่ยวข้องกับบริษัท คริสเตี่ยนี่ และนีลเส็น ต่อมามีปัญหาจากการแปลงตัวเองเป็นกิจการไทย และเข้าเทคโอเวอร์บริษัทแม่ในต่างประเทศ ซึ่งพกหนี้สิ้นและปัญหามากมายมาด้วย กิจการประสบการขาดทุนครั้งใหญ่ ในที่สุดกิจการนี้จึงหันเหเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยอีกรายหนึ่ง อีกกรณีที่ควรกล่าวถึง ร่วมทุนกับโรงแรมดุสิตธานี ตั้งบริษัทดุสิตสินธร ขยายการลงทุนโรงแรมในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการลงทุนผิดที่ผิดเวลามากทีเดียว จึงไม่แปลกใจนัก ในยามเศรษฐกิจไทยล่มสลาย ผลกระทบจึงรุนแรงและขยายวง
แผนพัฒนากิจการสยามสินธรในปี2538 เริ่มต้นด้วยความมั่นใจ เสียแต่ว่าเป็นความมั่นใจที่มาช้าเกินไป เพิ่งอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น โดยเฉพาะการกว้านซื้อที่ดินใหม่ๆ เช่น ซื้อที่ดินสถานทูตลาวต่อจากกลุ่มหวั่งหลี ในราคา700ล้านบาท การตระเตรียมพัฒนาที่ดินร้านอาหารตำหนักไท เป็นต้น เป็นที่รู้กันว่าสยามสินธร กำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าตลาดหุ้น ในช่วงปี2539 หวังว่า จะเป็นกลุ่มที่3ต่อจากไทยพาณิชย์ และเอสซีจี ในที่สุดไม่สามารถทำได้
ความพยายามแก้ปัญหาสินธร อยู่หลังฉากของการแก่ปัญหาธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย เป็นความยากลำบาก และใช้เวลา ในที่สุดวันนี้สยามสินธรสำนักงานทรัพย์สินฯ กลับมาถือหุ้นทั้งหมด และค่อยๆเริ่มต้นธุรกิจเดิมอย่างเงียบๆอีกครั้งหนึ่ง
วิรัตน์ แสงทองคำ 