เรื่องราวซีพีกับดีลครั้งใหญ่ครั้งใหม่ในจีน เป็นเรื่องที่ชวนให้มีการวิเคราะห์ วิจารณ์ และคาดเดากันอย่างมีสีสัน
สำนักงานข่าวระดับโลกพร้อมใจกันเสนอข่าว ซีพีซื้อหุ้น 15.6% จาก HSBC ซึ่งถือหุ้นในบริษัทประกันอันดับสองของจีน ด้วยจำนวนเงินถึง 9.38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นดีลแห่งปีที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับสองของเอเชีย
นักวิเคราะห์หุ้นบางรายที่ฮ่องกงซึ่งควรรู้จักซีพีดี ยังแสดงความงุนงงเกี่ยวกับแผนการใหม่ของซีพี ถึงกับกล่าวติดตลกทำนองว่า “ซีพีอาจมีนโยบายแถมไก่ทอดให้กับผู้ถือหุ้นบริษัทประกัน”
ฮ่องกงถือเป็นฐานสำคัญของซีพีมี C.P. Pokphand บริษัททำหน้าที่ลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่และเวียดนาม จดทะเบียนที่ตลาดหุ้นฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 2531 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ PING AN INSURANCE ก่อตั้งขึ้นที่Shenzhen
Ping An Insurance (Group) Company of China, Ltd. เป็นกลุ่มบริษัทที่มีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมทั้งธุรกิจประกัน และบริการทางการเงินครบวงจร ถือว่าเป็นกิจการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นบริษัทประกันใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง มีลูกค้ามากถึง74 ล้านราย มีพนักงานมากกว่า 175,000 คน รวมทั้งตัวแทนอีกประมาณ500,000คน
สำนักข่าวรอยเตอรส์(Thai group buys $9.4 billion Ping An stake from HSBC—Reuters Wed Dec 5, 2012) รายงานว่า ดีลการซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของเอเชีย เป็นรองแค่กรณี บริษัทน้ำมันของจีน (CNOOC) เข้าซื้อกิจการในแคนาดา ข้อมูลที่สำคัญอีกเรื่องที่ควรรู้ ตามสัญญาซื้อขายหุ้น กำหนดให้ซีพีต้องถือหุ้นไว้อย่างน้อยเป็นเวลา6 เดือน
หากไม่เป็นดีลใหญ่ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์อันห้าวหาญธุรกิจใหญ่ของไทยในช่วงเวลานี้ ภาพความเคลื่อนไหวของซีพี อาจจะไม่ตื้นเต้นเป็นพิเศษ
ยุทธศาสตร์ใหม่ของธุรกิจใหญ่ของไทย วาดขึ้นโดยสื่อต่างประเทศเช่นเดียวกัน –ทุนไทยฮุบกิจการต่างประเทศ เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่ ญี่ปุ่นและจีน ในปี 2555 ธุรกิจได้เข้าซื้อกิจการต่างประเทศรวมกันเป็นมูลค่าถึง 25,000ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 775,000 ล้านบาทมากว่า12 ปีที่ผ่านมารวมกัน โดยบริษัทไทยเบฟเวอเรจ(ของเจริญ สิริวัฒนภักดี)พยายามซื้อ กิจการF&Nแห่งสิงคโปร์ ปตท. ซื้อ Cove energy (ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอาฟริกา)โดยรวมเข้ากับรวมกับกรณีซีพีซึ่งกำลังกล่าวด้วย (มุมมองของสำนักข่าว Bloomberg)
ซึ่งทั้งกรณีไทยเบฟฯ และปตท.ได้แสดงยุทธศาสตร์ทางธุรกิจอย่างชัดเจน แต่กรณีซีพีไม่เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม หากติดตามความเป็นไปของซีพีอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่า การซื้อและขายกิจการต่างๆดำเนินไปตามโอกาสที่เกิดขึ้น หลายกรณีไม่ได้ผูกติดกับกับภาพธุรกิจแกน(Core competent) เสมอไป
กรณี C.P. Pokphand ในฮ่องกงเองมีพอร์ตลงทุนธุรกิจที่ออกแนวทางหลักอยู่แล้ว อาทิ ในกิจการร่วมทุนกับรัฐบาลจีนผลิตผลิตชินส่วนรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์แบรนด์ Dyang หรือธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักร Caterpillar
เรื่องราวทำนองเดียวกัน ดำเนินไปหลายกรณีในเมืองไทย ตั้งแต่กรณีร่วมทุนกับปิ่น จักกะพาก ในยุคเริ่มต้นการสร้างอาณาจักรธีกิจ—เอกธนกิจ จากการพื้นฟูกิจการเงินทุนเล็กๆจากบริษัทเงินทุนยิบอินซอย มาเป็นเอกธนกิจเมื่อราวปี2530 ซีพีร่วมทุนในฐานะผู้ถือหุ้นในยุคหัวเลี้ยวหัวต่อในช่วงก่อนเข้าตลาดหุ้นไทย เมื่อเอกธนกิจเข้าตลาดหุ้น ซีพีก็ขายหุ้นอออกไป เช่นเดียวกับกรณีธุรกิจค้าปลีก จากLotus มาเป็น Tesco Lotus ด้วยการร่วมทุนในฐานะผู้ถือหุ้นข้างน้อยกับ Tesco แห่งสหราชอาณาจักร ถือเป็นเหตุการณ์ที่จำเป็นในช่วงวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจปี 2540 หลังจากนั้นซีพีก็ทยอยขายหุ้นออกไปแทบจะหมดสิ้นในปัจจุบัน และล่าสุดกรณีร่วมทุนกับธุรกิจประกันระดับโลกอย่าง Alliance ซึ่งดำเนินมานานประมาณทศวรรษ ซีพีเพิ่งขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดออกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ว่าไปแล้วกรณีร่วมทุนกับAlliance ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกัน แต่ก็ประสบการณ์เพียงบางส่วนในฐานะผู้ร่วมทุน มากกว่าการบริหาร จึงถือได้ว่าซีพีไม่มีประสบการณ์โดยตรงกับธุรกิจใหม่ที่กำลังเข้าไปสัมผัสอย่างกล้าหาญ นักวิเคราะห์ทั้งหลายจึงไม่สามารถมองภาพยุทธ์ศาสตร์ได้อย่างชัดเจน
“หลังจากการหารือกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แล้ว เครือเจริญโภคภัณฑ์เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นจำนวนประมาณ 15.57% ในบริษัท PING AN INSURANCE จำกัด มูลค่าประมาณ 9.39 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือเทียบเท่า 2.88 แสนล้านบาทจากกลุ่มธนาคาร HSBC โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก China Development Bank สาขาฮ่องกง ดังที่ปรากฏในสื่อทั่วไป เครือเจริญโภคภัณฑ์ขอเรียนชี้แจงว่า การซื้อขายดังกล่าวยังต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ของสำนักงานประกันของรัฐบาลจีน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงต่อไปให้แก่ผู้ที่สนใจรับทราบ ” ข้างต้นคือเนื้อหาสำคัญของถ้อยแถลง จากสำนักงานใหญ่ซีพีที่กรุงเทพ แม้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอมีประเด็นใหม่ๆให้มีการคาดเดาเกิดขึ้นอีก
—ธนาคารไทยพาณิชย์ มี่ความเกี่ยวข้องกับดีลใหญ่ครั้งนี้ ในฐานะที่ปรึกษา จากข้อมูลที่เปิดเผย ธนาคารแห่งนี้ดำเนินธุรกิจในฮ่องกงมานาน ตั้งแต่เป็น Siam Commercial Finance Ltd.ในปี 2522 ต่อมายกระดับขึ้นเป็นสาขาในปี 2533 เท่าทีทราบในช่วงที่ผ่านมา ซีพีได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในจีน ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพ มีส่วนสนับสนุนอย่างมากทั้งในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และสนับสนุนทางการเงินจำนวนนับหมื่นล้านบาท
—อีกด้านหนึ่งธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารหนึ่งในประเทศไทยที่มียุทธศาสตร์เชิงรุก(โดยเฉพาะภายใต้การนำของคณะกรรมการชุดปัจจุบัน) ในความพยายามการเข้ามีบทบาทในระดับภูมิภาคมากขึ้น ต่อเนื่องจากที่เคยวางรากฐานไว้เมื่อ2ทศวรรษที่แล้ว เช่นเดียวหากมองภาพใหญ่ธุรกิจของ Ping An Insurance พบว่ามีธุรกิจทางการเงินครบวงจร(โปรดพิจารณาแผนภูมิประกอบ) ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ซีพีจะร่วมมือกับธนาคารในประเทศไทย บุกเบิกธุรกิจใหม่ๆในจีน
–เกี่ยวข้องกับ C.P. Pokphand ซึ่งถือเป็นกิจการแห่งเดียวของซีพี ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ความเคลื่อนไหวที่อ้างว่า จะรายงานผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง ก็ย่อมมีความหมาย มีความเชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น C.P. Pokphand ด้วย
ผมพยายามติดตามความเคลื่อนไหวที่อ้างจะรายงานผ่านตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ขณะนี้(ที่ปิดต้นฉบับ)ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น